มีการโกหกเกิดขึ้นทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมง ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน และทุกปี นักจิตวิทยาบอกว่ามันเป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติของคนเรา ไม่มีใครไม่เคยโกหก เด็กอายุ 4,5 ขวบก็โกหกได้เก่งแล้ว ผู้ใหญ่ยิ่งโกหกกันไฟแลบ ทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ว่าอัตราการโกหกที่เป็นอยู่ในมวลมนุษย์นั้นมากเกินไป น้อยเกินไป หรือกำลังพอดีกันแน่
การโกหกไม่ได้มีเฉพาะโทษ ประโยชน์ของการโกหกก็มี พูดให้คลุมเครือและเข้าใจยาก แต่ดูมีหลักเกณฑ์ก็คือ หากใครสักคนได้ประโยชน์จากการโกหก ก็มีโทษจากการโกหกรอเขาอยู่ ตรงกันข้าม ถ้าได้รับโทษจากการโกหกไปแล้วก็อาจจะมีประโยชน์รออยู่ ในเมื่อรู้ว่าการโกหกมีประโยชน์ ก็ควรนำการโกหกมาใช้อย่างสร้างสรรค์ เช่น โกหกเพื่อสันติภาพของโลก โกหกเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม โกหกเพราะไม่อยากให้เกิดการแบ่งแยกชนชั้น อะไรประมาณนี้
แต่ละคนมีระดับของการโกหกแตกต่างกัน รสนิยมในการโกหกก็ไม่เหมือนกัน ส่วนเจตนาในการโกหกก็มีหลายเจตนา ถ้าโกหกทุกลมหายใจเข้าออก ทางการแพทย์ถือว่าป่วย แต่ไม่ได้บอกว่าโกหกแค่ไหนจึงจะเหมาะสม เครื่องมือและวิธีจับโกหกที่ได้ผล 100 เปอร์เซนต์ยังไม่มี ว่ากันว่า ต่อให้มนุษย์ไปตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารสำเร็จ การจับโกหกก็ยังยากเหมือนเดิม นั่นแสดงว่าการโกหกลึกลับกว่าที่คนส่วนใหญ่คาดคิดเอาไว้
บิน ลาเดน อาจโกหกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โทนี่ แบลร์ โกหกเดือนละ 3 ครั้ง เดวิด เบคแฮม โกหกทุกๆ 3 วัน แต่ถ้าผู้คนบนโลกนี้สูญเสียการโกหกอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครโกหกใครอีกต่อไป ทุกคนพูดความจริงกันอย่างหมดเปลือก จะเกิดอะไรขึ้น? จะเกิดผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน?
วงการศาสนาคงไชโยโห่ร้องว่านี่คือ ยุคทองทางศีลธรรม วงการแสดงซบเซา เพราะการแสดงคือรูปแบบหนึ่งของการโกหก พอไม่มีใครโกหกก็แสดงไม่ได้ ขณะที่มนุษย์ชาติต้องปั่นป่วนแน่นอน เด็กๆ ไม่ปิดปังว่าเกลียดครู เพื่อนเปิดเผยกับเพื่อนว่ากำลังคิดหักหลังอยู่ สามีภรรยายอมรับว่าเหม็นขี้หน้ากันมาก ลูกน้องสารภาพว่ากำลังคิดไม่ซื่อกับเจ้านาย ฯลฯ
ผมว่าผลเสียของการไม่โกหกกันเลยน่าจะมีมากกว่าผลดี เพราะบ่อยครั้งที่ความจริงโหดร้ายกว่าความเท็จ ความลวงอาจทำให้แข็งแรงได้มากกว่าความจริง การโกหกก่อให้เกิดความรื่นรมย์มากกว่าไม่พูดโกหก ฯลฯ เป็นเจตนาของธรรมชาติอยู่แล้วที่ใส่การโกหกลงไปในมนุษย์ แต่เจตนาที่แท้จริงมีรายละเอียดเช่นไรบ้าง ผมไม่รู้หรอกครับ
การโกหกนั้นบางครั้งเป็นยาแก้ปวด แต่บางทีเป็นยาพิษ บางครั้งเป็นเครื่องป้องกันตัว แต่บางทีก็นำไปใช้เป็นอาวุธ ผมเคยอ่านพบว่าตามปกติผู้หญิงจะโกหกเก่งกว่าผู้ชาย และผู้หญิงสวยจะโกหกได้เนียนกว่าผู้หญิงไม่สวย ประเด็นที่ผู้หญิงประสบความสำเร็จในการโกหกมากกว่าผู้ชายนั้น พอเข้าใจไม่ยาก เพราะพวกเธอเป็นนักเล่าเรื่องที่ดีกว่าและใส่ใจกับรายละเอียดในการเล่ามากกว่า แต่ประเด็นผู้หญิงสวยกับผู้หญิงไม่สวยนี่ยังสงสัยอยู่ หรือเธอใช้ความสวยเป็นอุปกรณ์ช่วยในการโกหก
คนเราชอบโกหกว่ารักกัน แต่ไม่ค่อยโกหกว่าเกลียดกัน คงเพราะความรักเป็นมารยามากกว่าความเกลียด โกหกว่ามีความสุขทำได้ง่ายกว่าโกหกว่ามีความทุกข์ นี่ก็คงเพราะความสุขลวงตาได้ง่ายกว่าความทุกข์ ผมไม่เคยเห็นใครลงมือโกหกเพื่อให้ผู้อื่นเกลียด ส่วนโกหกเพื่อให้ผู้อื่นรักนั้นเห็นได้ทั่วไป คนรวยกับคนจน ใครโกหกเก่งกว่า และการโกหกมีส่วนในการช่วยสร้างความร่ำรวยให้ด้วย
มนุษยชาติต้องการสมดุลแห่งการโกหกครับ สมดุลที่ทำให้ผู้คนไม่เกลียดกัน ครอบครัวมีสุข สันติภาพงอกงาม การดูถูกเหยียดหยามถึงจุดสิ้นสุด ฯลฯ แต่ปัญหาคือ เราไม่รู้ว่าสมดุลแห่งการโกหกอยู่ตรงไหนกันแน่ จะต้องโกหกกี่เปอร์เซ็นต์ พูดความจริงกี่เปอร์เซ็นต์จึงจะเกิดสมดุล นอกจากนั้นผู้คนในปัจจุบันยังค่อนข้างสับสน อะไรที่ควรพูดความจริงกลับโกหก อะไรที่ควรโกหกกลับพูดจริง เรียลลิตี้ที่โกหกก็ไปทึกทักว่ามันเป็นเรื่องจริง
บรรพบุรุษของมนุษย์เริ่มต้นโกหกครั้งแรกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และการโกหกจะยุติลงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ด้านหนึ่งมันคล้ายคำสาปจากธรรมชาติอยู่เหมือนกันที่ทำให้มนุษย์ต้องเป็นเช่นนี้ แต่อีกด้านมันก็เป็นพรจากธรรมชาติ การโกหกนำไปสู่เทพนิยาย นิทาน ตำนาน ข่าวลือ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยหนุนให้อารยธรรมมนุษย์เคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ ถ้าพูดกันแต่ความจริง เราอาจจะไปได้ไม่ถึงไหน ผู้คนเคร่งเครียดปราศจากความรื่นรมย์ ขาดจินตนาการ และโลกอาจเต็มไปด้วยคนวิกลจริต
เพราะความจริงที่ทำให้เราชื่นใจ สบายใจ และเบาใจ มีน้อยกว่าความจริงที่ทำให้หนักใจ และลำบากใจ สถานะทางจิตของผู้คนบนโลกยังไม่พร้อมจะยอมรับทุกความจริง คนเรารับได้เฉพาะความจริงที่อยากรับเท่านั้น เมื่อไม่พร้อมจะรับทุกความจริง ก็ไม่พร้อมจะพูดทุกความจริง เราก็เลยต้องพูดความจริงบ้าง โกหกบ้างกันต่อไป
แต่น่าจะมีสัก 1 สัปดาห์นะครับ เป็น 7 วันที่ไม่มีใครบนโลกนี้พูดความจริงต่อกันเลย มันคงเป็น 7 วันที่อันตรายวุ่นวาย บ้าคลั่ง แปลกประหลาดเหลือเกิน
(สมดุลแห่งการโกหก ปลาอ้วน เขียน หนังสือ ความสงสัยที่อยู่ใกล้สิ่งสมมติ)
วันศุกร์, ธันวาคม 14, 2550
วันศุกร์, พฤศจิกายน 02, 2550
ความลับ
ผู้คนนั้นช่างมีนิสัยที่คล้ายๆ กันในเรื่องของความลับ เราต่างอยากรู้อยากเห็นความลับของคนอื่น แต่ไม่อยากเปิดเผยให้ใคร ๆ รู้ความลับของตนเอง แล้วมีใครสักคนบ้างไหมที่ไม่เคยมีความลับเลยสักเรื่องในหนึ่งชีวิตซึ่งเกิดมา ความรักเริ่มก่อตัวย่อมเป็นความลับแน่นอน เพราะนอนพลิกไปมาอยู่ในใจของแต่ละคน ก่อนที่จะยินยอมแย้มตัวออกมาในที่สุด บางครั้งความรักก็ยอมเป็นความลับอยู่จนเกือบชั่วชีวิต ความใคร่เกิดขึ้นลับๆ มากกว่าความรัก มันเกิดขึ้นได้เสมอไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน แล้วก็เดินทางอย่างรวดเร็ว เพื่อพร้อมจะเกิดใหม่ด้วยเช่นกัน เมื่อความใคร่เกิดขึ้น ความรู้สึกผิดก็มักตามมาในเบื้องปลาย คนเรากลัวความผิด แต่ก็ยังชอบความใคร่ มันน่าสนุกไม่ใช่หรือ เป็นสัญชาตญาณก็จริง ทว่าไม่เหมือนสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด และยังแตกต่างจากสัญชาตญาณแห่งความหวาดกลัว ดูแลความรักให้ดีๆ และช่วยควบคุมความใคร่ให้อยู่เป็นที่เป็นทางด้วย ผู้คนต่างเหนื่อยหนักกับทั้งสองสิ่งมาเนิ่นนาน
โลกนี้และสิ่งที่อยู่นอกโลกมีความลับอีกมากมายที่ยังไม่ถูกเปิดเผย บางเรื่องจำเป็นต้องรู้ ทว่าหลายเรื่องไม่ต้องรู้ก็ได้ ปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้นต่อไป ในเส้นลายมือของแต่ละคนมีความลับของอดีตและอนาคตวางอยู่ ซึ่งมองยาก ง่ายกว่าคือในดวงตาของแต่ละคน หากจ้องมองกันดีๆ ก็จะเห็นความลับหรือความในแฝงตัวอยู่ภายใน คุณไม่สงสัยหรือว่าทำไมต้องเป็นดวงตา ทำไมไม่เป็นจมูก ใบหู หรือหน้าท้อง
ใจเราส่งสาส์นไปยังแขน ตา และมือได้เมื่อตกอยู่ในอาการเช่นไร อวัยวะต่างๆ ก็จะแสดงออกถึงรายละเอียดของอาการออกมา ซึ่งต่างเป็นไปตามธรรมชาติ แม้ไม่ต้องการให้เป็นแต่ก็เป็น
หมาหอน นกร้อง ปลาโลมาพูด ช้างโกรธ และอะไรอีกมากมายเกี่ยวกับสัตว์ ล้วนเป็นความลับที่มนุษย์อยากรู้และอยากจะเข้าใจ เวลานี้เราเข้าใจได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่หมดเพราะเอาเข้าจริงๆ สิ่งที่คิดว่าเข้าใจทะลุ สุดท้ายอาจกลายเป็นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งนั้นเลย
ถกเถียงกันมานานว่าพีระมิดถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไรจึงได้มหัศจรรย์เช่นนั้น บ้างก็ว่าเพราะความคิดของคนโบราณเลอเลิศ บ้างก็บอกว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาว ใครถูกใครผิดก็ไม่รู้ เพราะต่างเกิดไม่ทัน ไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างหนักแน่น แต่สำหรับสิ่งที่เกิดในวันนี้ ในอดีตเมื่อ 50-60 ปีก่อน หรือในอนาคตจะกลายเป็นความลับได้น้อยมาก เพราะเทคโนโลยีสามารถบันทึกความเป็นไปได้หมด ส่วนเรื่องที่เทคโนโลยีไม่สามารถบันทึกได้ก็คือความคิดลึกๆ ซึ่งเป็นความลับในใจของผู้คน เครื่องมือจับเท็จหรือจับความจริงชนิดใดก็จับได้ไม่ครบ
โรเบิร์ต จอห์นสัน นักดนตรีบลูส์ผู้เลอเลิศในด้านฝีมือขายวิญญาณให้ซาตานจริงหรือเปล่า วันนี้ก็ยังเป็นความลับ มีเรื่องเล่าว่าเขาเล่นดนตรีไม่เก่งเลยในตอนแรก พอหายไปจากสังคมสักพัก จอห์นสันก็เหมือนพ่อมดที่สามารถบันดาลเสียงกีต้าร์ให้เป็นได้ดั่งใจปรารถนา แต่เวลาตายจอห์นสันตายไม่คล้ายคนนัก เขาตายเหมือนสัตว์เลี้ยง
อะไรกันที่ทำให้คนหูหนวกอย่าง บีโธเฟ่น กลายเป็นคีตกวีเอกของโลกได้ เสียงที่เขาได้ยินอยู่ข้างในย่อมเป็นความลับที่ตัวเขาเองรู้แต่เพียงผู้เดียวแน่นอน ริชี่ แบล็คมอร์อดีตมือกีต้าร์ของดีพ เพอร์เพิ่ลเคยไปบันทึกเสียงอัลบั้มของเขาในนาม "เรนโบว์" หลังจากที่แยกตัวมาจากดีพฯ วันหนึ่งในขณะที่บันทึกเสียงอยู่ในปราสาทแห่งหนึง ก็มีเสียงประหลาดเกิดขึ้น อยู่ๆ เปียโนก็มีเสียงกดลิ่มขึ้นมาเอง เสียงนี้มาจากไหน นี่เป็นความลับใช่ไหม
จักรวาลมีอายุนานแสนนาน จากการคาดคะเนของผู้คน ความลับที่ยิ่งใหญ่มากก็คือจักรวาลเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เริ่มต้นตอนแรกก่อนมีจักรวาลหรือเอกภพมีอะไรมาก่อน ผมเคยงงๆ ว่าโลกของเราลอยอยู่บนอะไร สิ่งที่ลอยอยู่นั้น กว้างและยาวแค่ไหน ตรงปลายหรือขอบล่ะ มีดินแดนให้ประจักษ์หรือเปล่า วันนี้ผมเลิกงงและสงสัยแล้ว เพราะแม้จะเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ แต่เราไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ รู้แค่อยู่อย่างไรให้ปลอดภัยจากกิเลสหรือตัณหา น่าจะดีที่สุดในการเป็นคน
คนมีกลิ่น ดอกไม้มีกลิ่น และสัตว์ก็มีกลิ่น ช่างมหัศจรรย์เหลือเกินที่เราสามารถดมกลิ่นได้ นี่นะกลิ่นหอม นั่นน่ะกลิ่นเหม็น ธรรมชาติสร้างจมูกใหคนสำหรับหายใจและได้กลิ่นด้วย ตาเราอาจจะฝ้าฟางหรือบอด แต่จมูกเดือดร้อนน้อยกว่าตา แม้ว่าเป็นหวัดแล้วจมูกจะไม่ค่อยดีก็ตาม มีคนแก่ๆ เคยบอกผมว่าจมูกนี่ฉลาดน้อยกว่าปาก เราเลือกดมไม่ค่อยได้ แต่เราเลือกกินได้มากกว่า ปากเรื่องมาก เลือกนั่นเลือกนี่ ทว่าจมูกไม่ค่อยเลือก
โจรหรือขโมยจะปล้นในเวลากลางคืน คงเพราะกลางคืนปิดปังความลับได้มากกว่ากลางวัน ความมืดทำให้ผู้คนกล้าทำความผิดมากกว่าความสว่าง เพราะจะมีคนอื่นเห็นได้น้อยและไม่ค่อยชัดเจน เห็นไหม เมื่อพูดถึงความหวังและเรื่องดีๆ ของชีวิต จึงมักถูกนำไปเทียบเคียงกับแสงสว่างเสมอ
กระดูกมาจากไหน เส้นผมอีก แรกเริ่มมันก็แค่ความรักความใคร่ของชายหญิง แล้วจึงเกิดมาเป็นตัวเรา ท้องของแม่ที่เคยใส่แต่ลำไส้ กระเพาะและอาหาร วันหนึ่งก็มีตัวน้อย ๆ ของเราแทรกลงไป ใครไม่รู้สึกมหัศจรรย์ก็ได้ แต่ผมตื่นเต้นกับการถือกำเนิดของคน มากยิ่งกว่าการคิดค้นคอมพิวเตอร์ชนิดใหม่ หรือการเดินทางของภาพและเสียงที่ขยายไปทั่วโลกอย่างกว้างขวาง
อะไรกันเล่าที่บอกให้ปลิงและยุงดูดเลือด สีเขียวมาอยู่ในพืชและผักได้อย่างไร มนุษย์ทำไมจึงต้องมีห้านิ้วทั้งมือและเท้า มีจมูกและตาอย่างละสอง มีปากหนึ่ง นี่แหละที่ช่างพอเหมาะพอเจาะ นี่แหละที่วิเศษกว่าไสยศาสตร์ ซึ่งคนจำนวนมากคลั่งไคล้
กิ้งกือเอาขามาจากไหนจึงมากมายขนาดนั้น ไม่แบ่งให้งูบ้างเล่า ปลาบางชนิดพยายามมีตีน อีกบางชนิดก็บินได้ ในขณะที่นกบางแบบดำน้ำเล็กๆ น้อยๆ ได้ด้วย คุณว่าไม่วิเศษหรือ ดาวบางแบบมีหาง ปลาจึงมีหางยาวสวยเหมือนนกได้ เราจึงเรียกว่าปลาหางนกยูง ทุกอย่างในธรรมชาติช่างหมื่นแสนกลและน่าทึ่ง
อินเทอร์เน็ตอาจเปิดเผยความลับต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งไม่รู้ว่าประโยชน์หรือโทษมากน้อยกว่ากัน แต่ความลับของธรรมชาติ แม้จะเปิดเผยไม่ได้ แต่ก็มีประโยชน์มากกว่าโทษ ผมรู้จักอินเทอร์เน็ตน้อยเหลือเกิน แต่ก็ขอบคุณที่ยังมีไดโนเสาร์อีกหลายประเภทอยู่ในตัวของผม
"ความลับ" หนังสือ วัน-เดือน-ปี ญามิลา เขียน สำนักพิมพ์บีเยศ ปี 2544
โลกนี้และสิ่งที่อยู่นอกโลกมีความลับอีกมากมายที่ยังไม่ถูกเปิดเผย บางเรื่องจำเป็นต้องรู้ ทว่าหลายเรื่องไม่ต้องรู้ก็ได้ ปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้นต่อไป ในเส้นลายมือของแต่ละคนมีความลับของอดีตและอนาคตวางอยู่ ซึ่งมองยาก ง่ายกว่าคือในดวงตาของแต่ละคน หากจ้องมองกันดีๆ ก็จะเห็นความลับหรือความในแฝงตัวอยู่ภายใน คุณไม่สงสัยหรือว่าทำไมต้องเป็นดวงตา ทำไมไม่เป็นจมูก ใบหู หรือหน้าท้อง
ใจเราส่งสาส์นไปยังแขน ตา และมือได้เมื่อตกอยู่ในอาการเช่นไร อวัยวะต่างๆ ก็จะแสดงออกถึงรายละเอียดของอาการออกมา ซึ่งต่างเป็นไปตามธรรมชาติ แม้ไม่ต้องการให้เป็นแต่ก็เป็น
หมาหอน นกร้อง ปลาโลมาพูด ช้างโกรธ และอะไรอีกมากมายเกี่ยวกับสัตว์ ล้วนเป็นความลับที่มนุษย์อยากรู้และอยากจะเข้าใจ เวลานี้เราเข้าใจได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่หมดเพราะเอาเข้าจริงๆ สิ่งที่คิดว่าเข้าใจทะลุ สุดท้ายอาจกลายเป็นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งนั้นเลย
ถกเถียงกันมานานว่าพีระมิดถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไรจึงได้มหัศจรรย์เช่นนั้น บ้างก็ว่าเพราะความคิดของคนโบราณเลอเลิศ บ้างก็บอกว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาว ใครถูกใครผิดก็ไม่รู้ เพราะต่างเกิดไม่ทัน ไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างหนักแน่น แต่สำหรับสิ่งที่เกิดในวันนี้ ในอดีตเมื่อ 50-60 ปีก่อน หรือในอนาคตจะกลายเป็นความลับได้น้อยมาก เพราะเทคโนโลยีสามารถบันทึกความเป็นไปได้หมด ส่วนเรื่องที่เทคโนโลยีไม่สามารถบันทึกได้ก็คือความคิดลึกๆ ซึ่งเป็นความลับในใจของผู้คน เครื่องมือจับเท็จหรือจับความจริงชนิดใดก็จับได้ไม่ครบ
โรเบิร์ต จอห์นสัน นักดนตรีบลูส์ผู้เลอเลิศในด้านฝีมือขายวิญญาณให้ซาตานจริงหรือเปล่า วันนี้ก็ยังเป็นความลับ มีเรื่องเล่าว่าเขาเล่นดนตรีไม่เก่งเลยในตอนแรก พอหายไปจากสังคมสักพัก จอห์นสันก็เหมือนพ่อมดที่สามารถบันดาลเสียงกีต้าร์ให้เป็นได้ดั่งใจปรารถนา แต่เวลาตายจอห์นสันตายไม่คล้ายคนนัก เขาตายเหมือนสัตว์เลี้ยง
อะไรกันที่ทำให้คนหูหนวกอย่าง บีโธเฟ่น กลายเป็นคีตกวีเอกของโลกได้ เสียงที่เขาได้ยินอยู่ข้างในย่อมเป็นความลับที่ตัวเขาเองรู้แต่เพียงผู้เดียวแน่นอน ริชี่ แบล็คมอร์อดีตมือกีต้าร์ของดีพ เพอร์เพิ่ลเคยไปบันทึกเสียงอัลบั้มของเขาในนาม "เรนโบว์" หลังจากที่แยกตัวมาจากดีพฯ วันหนึ่งในขณะที่บันทึกเสียงอยู่ในปราสาทแห่งหนึง ก็มีเสียงประหลาดเกิดขึ้น อยู่ๆ เปียโนก็มีเสียงกดลิ่มขึ้นมาเอง เสียงนี้มาจากไหน นี่เป็นความลับใช่ไหม
จักรวาลมีอายุนานแสนนาน จากการคาดคะเนของผู้คน ความลับที่ยิ่งใหญ่มากก็คือจักรวาลเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เริ่มต้นตอนแรกก่อนมีจักรวาลหรือเอกภพมีอะไรมาก่อน ผมเคยงงๆ ว่าโลกของเราลอยอยู่บนอะไร สิ่งที่ลอยอยู่นั้น กว้างและยาวแค่ไหน ตรงปลายหรือขอบล่ะ มีดินแดนให้ประจักษ์หรือเปล่า วันนี้ผมเลิกงงและสงสัยแล้ว เพราะแม้จะเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ แต่เราไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ รู้แค่อยู่อย่างไรให้ปลอดภัยจากกิเลสหรือตัณหา น่าจะดีที่สุดในการเป็นคน
คนมีกลิ่น ดอกไม้มีกลิ่น และสัตว์ก็มีกลิ่น ช่างมหัศจรรย์เหลือเกินที่เราสามารถดมกลิ่นได้ นี่นะกลิ่นหอม นั่นน่ะกลิ่นเหม็น ธรรมชาติสร้างจมูกใหคนสำหรับหายใจและได้กลิ่นด้วย ตาเราอาจจะฝ้าฟางหรือบอด แต่จมูกเดือดร้อนน้อยกว่าตา แม้ว่าเป็นหวัดแล้วจมูกจะไม่ค่อยดีก็ตาม มีคนแก่ๆ เคยบอกผมว่าจมูกนี่ฉลาดน้อยกว่าปาก เราเลือกดมไม่ค่อยได้ แต่เราเลือกกินได้มากกว่า ปากเรื่องมาก เลือกนั่นเลือกนี่ ทว่าจมูกไม่ค่อยเลือก
โจรหรือขโมยจะปล้นในเวลากลางคืน คงเพราะกลางคืนปิดปังความลับได้มากกว่ากลางวัน ความมืดทำให้ผู้คนกล้าทำความผิดมากกว่าความสว่าง เพราะจะมีคนอื่นเห็นได้น้อยและไม่ค่อยชัดเจน เห็นไหม เมื่อพูดถึงความหวังและเรื่องดีๆ ของชีวิต จึงมักถูกนำไปเทียบเคียงกับแสงสว่างเสมอ
กระดูกมาจากไหน เส้นผมอีก แรกเริ่มมันก็แค่ความรักความใคร่ของชายหญิง แล้วจึงเกิดมาเป็นตัวเรา ท้องของแม่ที่เคยใส่แต่ลำไส้ กระเพาะและอาหาร วันหนึ่งก็มีตัวน้อย ๆ ของเราแทรกลงไป ใครไม่รู้สึกมหัศจรรย์ก็ได้ แต่ผมตื่นเต้นกับการถือกำเนิดของคน มากยิ่งกว่าการคิดค้นคอมพิวเตอร์ชนิดใหม่ หรือการเดินทางของภาพและเสียงที่ขยายไปทั่วโลกอย่างกว้างขวาง
อะไรกันเล่าที่บอกให้ปลิงและยุงดูดเลือด สีเขียวมาอยู่ในพืชและผักได้อย่างไร มนุษย์ทำไมจึงต้องมีห้านิ้วทั้งมือและเท้า มีจมูกและตาอย่างละสอง มีปากหนึ่ง นี่แหละที่ช่างพอเหมาะพอเจาะ นี่แหละที่วิเศษกว่าไสยศาสตร์ ซึ่งคนจำนวนมากคลั่งไคล้
กิ้งกือเอาขามาจากไหนจึงมากมายขนาดนั้น ไม่แบ่งให้งูบ้างเล่า ปลาบางชนิดพยายามมีตีน อีกบางชนิดก็บินได้ ในขณะที่นกบางแบบดำน้ำเล็กๆ น้อยๆ ได้ด้วย คุณว่าไม่วิเศษหรือ ดาวบางแบบมีหาง ปลาจึงมีหางยาวสวยเหมือนนกได้ เราจึงเรียกว่าปลาหางนกยูง ทุกอย่างในธรรมชาติช่างหมื่นแสนกลและน่าทึ่ง
อินเทอร์เน็ตอาจเปิดเผยความลับต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งไม่รู้ว่าประโยชน์หรือโทษมากน้อยกว่ากัน แต่ความลับของธรรมชาติ แม้จะเปิดเผยไม่ได้ แต่ก็มีประโยชน์มากกว่าโทษ ผมรู้จักอินเทอร์เน็ตน้อยเหลือเกิน แต่ก็ขอบคุณที่ยังมีไดโนเสาร์อีกหลายประเภทอยู่ในตัวของผม
"ความลับ" หนังสือ วัน-เดือน-ปี ญามิลา เขียน สำนักพิมพ์บีเยศ ปี 2544
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)