วันศุกร์, ธันวาคม 14, 2550

สมดุลแห่งการโกหก

มีการโกหกเกิดขึ้นทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมง ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน และทุกปี นักจิตวิทยาบอกว่ามันเป็นพฤติกรรมตามธรรมชาติของคนเรา ไม่มีใครไม่เคยโกหก เด็กอายุ 4,5 ขวบก็โกหกได้เก่งแล้ว ผู้ใหญ่ยิ่งโกหกกันไฟแลบ ทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ว่าอัตราการโกหกที่เป็นอยู่ในมวลมนุษย์นั้นมากเกินไป น้อยเกินไป หรือกำลังพอดีกันแน่
การโกหกไม่ได้มีเฉพาะโทษ ประโยชน์ของการโกหกก็มี พูดให้คลุมเครือและเข้าใจยาก แต่ดูมีหลักเกณฑ์ก็คือ หากใครสักคนได้ประโยชน์จากการโกหก ก็มีโทษจากการโกหกรอเขาอยู่ ตรงกันข้าม ถ้าได้รับโทษจากการโกหกไปแล้วก็อาจจะมีประโยชน์รออยู่ ในเมื่อรู้ว่าการโกหกมีประโยชน์ ก็ควรนำการโกหกมาใช้อย่างสร้างสรรค์ เช่น โกหกเพื่อสันติภาพของโลก โกหกเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม โกหกเพราะไม่อยากให้เกิดการแบ่งแยกชนชั้น อะไรประมาณนี้
แต่ละคนมีระดับของการโกหกแตกต่างกัน รสนิยมในการโกหกก็ไม่เหมือนกัน ส่วนเจตนาในการโกหกก็มีหลายเจตนา ถ้าโกหกทุกลมหายใจเข้าออก ทางการแพทย์ถือว่าป่วย แต่ไม่ได้บอกว่าโกหกแค่ไหนจึงจะเหมาะสม เครื่องมือและวิธีจับโกหกที่ได้ผล 100 เปอร์เซนต์ยังไม่มี ว่ากันว่า ต่อให้มนุษย์ไปตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารสำเร็จ การจับโกหกก็ยังยากเหมือนเดิม นั่นแสดงว่าการโกหกลึกลับกว่าที่คนส่วนใหญ่คาดคิดเอาไว้
บิน ลาเดน อาจโกหกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โทนี่ แบลร์ โกหกเดือนละ 3 ครั้ง เดวิด เบคแฮม โกหกทุกๆ 3 วัน แต่ถ้าผู้คนบนโลกนี้สูญเสียการโกหกอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครโกหกใครอีกต่อไป ทุกคนพูดความจริงกันอย่างหมดเปลือก จะเกิดอะไรขึ้น? จะเกิดผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน?
วงการศาสนาคงไชโยโห่ร้องว่านี่คือ ยุคทองทางศีลธรรม วงการแสดงซบเซา เพราะการแสดงคือรูปแบบหนึ่งของการโกหก พอไม่มีใครโกหกก็แสดงไม่ได้ ขณะที่มนุษย์ชาติต้องปั่นป่วนแน่นอน เด็กๆ ไม่ปิดปังว่าเกลียดครู เพื่อนเปิดเผยกับเพื่อนว่ากำลังคิดหักหลังอยู่ สามีภรรยายอมรับว่าเหม็นขี้หน้ากันมาก ลูกน้องสารภาพว่ากำลังคิดไม่ซื่อกับเจ้านาย ฯลฯ
ผมว่าผลเสียของการไม่โกหกกันเลยน่าจะมีมากกว่าผลดี เพราะบ่อยครั้งที่ความจริงโหดร้ายกว่าความเท็จ ความลวงอาจทำให้แข็งแรงได้มากกว่าความจริง การโกหกก่อให้เกิดความรื่นรมย์มากกว่าไม่พูดโกหก ฯลฯ เป็นเจตนาของธรรมชาติอยู่แล้วที่ใส่การโกหกลงไปในมนุษย์ แต่เจตนาที่แท้จริงมีรายละเอียดเช่นไรบ้าง ผมไม่รู้หรอกครับ
การโกหกนั้นบางครั้งเป็นยาแก้ปวด แต่บางทีเป็นยาพิษ บางครั้งเป็นเครื่องป้องกันตัว แต่บางทีก็นำไปใช้เป็นอาวุธ ผมเคยอ่านพบว่าตามปกติผู้หญิงจะโกหกเก่งกว่าผู้ชาย และผู้หญิงสวยจะโกหกได้เนียนกว่าผู้หญิงไม่สวย ประเด็นที่ผู้หญิงประสบความสำเร็จในการโกหกมากกว่าผู้ชายนั้น พอเข้าใจไม่ยาก เพราะพวกเธอเป็นนักเล่าเรื่องที่ดีกว่าและใส่ใจกับรายละเอียดในการเล่ามากกว่า แต่ประเด็นผู้หญิงสวยกับผู้หญิงไม่สวยนี่ยังสงสัยอยู่ หรือเธอใช้ความสวยเป็นอุปกรณ์ช่วยในการโกหก
คนเราชอบโกหกว่ารักกัน แต่ไม่ค่อยโกหกว่าเกลียดกัน คงเพราะความรักเป็นมารยามากกว่าความเกลียด โกหกว่ามีความสุขทำได้ง่ายกว่าโกหกว่ามีความทุกข์ นี่ก็คงเพราะความสุขลวงตาได้ง่ายกว่าความทุกข์ ผมไม่เคยเห็นใครลงมือโกหกเพื่อให้ผู้อื่นเกลียด ส่วนโกหกเพื่อให้ผู้อื่นรักนั้นเห็นได้ทั่วไป คนรวยกับคนจน ใครโกหกเก่งกว่า และการโกหกมีส่วนในการช่วยสร้างความร่ำรวยให้ด้วย
มนุษยชาติต้องการสมดุลแห่งการโกหกครับ สมดุลที่ทำให้ผู้คนไม่เกลียดกัน ครอบครัวมีสุข สันติภาพงอกงาม การดูถูกเหยียดหยามถึงจุดสิ้นสุด ฯลฯ แต่ปัญหาคือ เราไม่รู้ว่าสมดุลแห่งการโกหกอยู่ตรงไหนกันแน่ จะต้องโกหกกี่เปอร์เซ็นต์ พูดความจริงกี่เปอร์เซ็นต์จึงจะเกิดสมดุล นอกจากนั้นผู้คนในปัจจุบันยังค่อนข้างสับสน อะไรที่ควรพูดความจริงกลับโกหก อะไรที่ควรโกหกกลับพูดจริง เรียลลิตี้ที่โกหกก็ไปทึกทักว่ามันเป็นเรื่องจริง
บรรพบุรุษของมนุษย์เริ่มต้นโกหกครั้งแรกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และการโกหกจะยุติลงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ด้านหนึ่งมันคล้ายคำสาปจากธรรมชาติอยู่เหมือนกันที่ทำให้มนุษย์ต้องเป็นเช่นนี้ แต่อีกด้านมันก็เป็นพรจากธรรมชาติ การโกหกนำไปสู่เทพนิยาย นิทาน ตำนาน ข่าวลือ ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยหนุนให้อารยธรรมมนุษย์เคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ ถ้าพูดกันแต่ความจริง เราอาจจะไปได้ไม่ถึงไหน ผู้คนเคร่งเครียดปราศจากความรื่นรมย์ ขาดจินตนาการ และโลกอาจเต็มไปด้วยคนวิกลจริต
เพราะความจริงที่ทำให้เราชื่นใจ สบายใจ และเบาใจ มีน้อยกว่าความจริงที่ทำให้หนักใจ และลำบากใจ สถานะทางจิตของผู้คนบนโลกยังไม่พร้อมจะยอมรับทุกความจริง คนเรารับได้เฉพาะความจริงที่อยากรับเท่านั้น เมื่อไม่พร้อมจะรับทุกความจริง ก็ไม่พร้อมจะพูดทุกความจริง เราก็เลยต้องพูดความจริงบ้าง โกหกบ้างกันต่อไป
แต่น่าจะมีสัก 1 สัปดาห์นะครับ เป็น 7 วันที่ไม่มีใครบนโลกนี้พูดความจริงต่อกันเลย มันคงเป็น 7 วันที่อันตรายวุ่นวาย บ้าคลั่ง แปลกประหลาดเหลือเกิน

(สมดุลแห่งการโกหก ปลาอ้วน เขียน หนังสือ ความสงสัยที่อยู่ใกล้สิ่งสมมติ)

ไม่มีความคิดเห็น: